ขวดซอส Troffie Blanche วางอยู่บนโต๊ะอาหาร มีขนมปังและสมุนไพรเป็นพร็อพ

วัสดุยอดนิยมสำหรับสติกเกอร์ และฉลากสินค้า

ทำความรู้จักกับวัสดุที่ใช้ในการผลิตสติกเกอร์และฉลากสินค้า พร้อมข้อดีข้อเสีย และคำแนะนำในการเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เพื่อการใช้งานที่ยาวนานและประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อพูดถึงการเลือกวัสดุสำหรับสติกเกอร์และฉลากสินค้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพิจารณาประเภทของวัสดุที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด โดยวัสดุที่ใช้สำหรับสติกเกอร์และฉลากสินค้าในปัจจุบันนั้นมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับวัสดุยอดนิยมที่ใช้ผลิตสติกเกอร์และฉลากสินค้า พร้อมทั้งข้อดีข้อเสียของแต่ละวัสดุ และวิธีการเลือกวัสดุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

ขวด Chyavanprash วางบนพื้นหินสีขาว พร้อมฉลากลายสมุนไพรที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน

วัสดุในการผลิตสติกเกอร์ และฉลากสินค้า สำคัญอย่างไร?

การเลือกวัสดุที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ฉลากและสติกเกอร์ รวมถึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี

1.ความทนทาน และความเหมาะสมกับการใช้งาน

วัสดุที่ใช้จะต้องสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่สินค้าอาจเจอ เช่น ความชื้น ความร้อน หรือการขูดขีด ตัวอย่างเช่น หากสินค้าของคุณต้องการฉลากที่สามารถทนต่อความชื้นหรืออุณหภูมิสูง วัสดุอย่างพลาสติก PVC หรือฟอยล์อาจจะเหมาะสมที่สุด แต่หากสินค้าของคุณไม่ต้องการการทนทานสูง เช่น สินค้าทั่วไปที่ไม่ได้เก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นมาก กระดาษอาร์ตการ์ดหรือกระดาษสติ๊กเกอร์ธรรมดาก็สามารถใช้ได้

2.ภาพลักษณ์ของแบรนด์

วัสดุที่เลือกใช้อาจสะท้อนถึงคุณภาพและภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ดี เช่น การเลือกใช้วัสดุฟอยล์ที่เงางาม หรือกระดาษคราฟท์ที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้ วัสดุที่ดูพรีเมียมและมีคุณภาพสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณ

3.ต้นทุนการผลิต

วัสดุที่เลือกจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตโดยตรง วัสดุบางประเภทอาจมีราคาสูง เช่น พลาสติก PVC หรือฟอยล์ ในขณะที่วัสดุอื่นๆ เช่น กระดาษคราฟท์หรือกระดาษสติ๊กเกอร์มีราคาถูกกว่า การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับงบประมาณและประเภทของสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะช่วยควบคุมต้นทุนในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4.ความสะดวกในการใช้งานและการพิมพ์

วัสดุที่เลือกต้องรองรับกระบวนการพิมพ์ที่ต้องการได้ดี เช่น หากคุณต้องการการพิมพ์ที่มีสีสันสดใสและคมชัด กระดาษอาร์ตการ์ดอาจเป็นตัวเลือกที่ดี ในขณะที่วัสดุพลาสติก PVC หรือฟอยล์อาจต้องการกระบวนการพิมพ์เฉพาะตัว เช่น การพิมพ์สกรีนหรือการพิมพ์ฟอยล์ทอง

สาระน่าอ่าน: กระบวนการผลิตสติกเกอร์ และฉลากสินค้าที่คุณควรรู้

ซอส Bawang Goreng วางคู่กับอาหารและมันฝรั่งทอดกรอบ บนโต๊ะไม้ที่ดูอบอุ่น

วัสดุสติกเกอร์และฉลากสินค้ายอดนิยม

วัสดุที่ใช้สำหรับสติกเกอร์และฉลากสินค้า มีหลายประเภทที่นิยมใช้กันในตลาด โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่เหมาะสมกับสินค้าหรือการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่

1.สติ๊กเกอร์ โฮโลแกรมโฮโลแกรม

วัสดุสติ๊กเกอร์ โฮโลแกรม หรือโฮโลแกรมเป็นวัสดุที่มักใช้ในการตกแต่งกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความโดดเด่นและสะดุดตา โดยเฉพาะกล่องของขวัญหรือสินค้าพรีเมียม มักจะใช้ฟอยล์โฮโลแกรมที่มีลวดลายสะท้อนแสง หรือมีการเปลี่ยนแปลงของสีเมื่อมองจากมุมต่างๆ

สติ๊กเกอร์ โฮโลแกรม จะมีผิวที่สะท้อนแสงและเปลี่ยนสีตามมุมมอง เช่น มีสีรุ้ง หรือเงากระจกที่ดูสวยงามและหรูหรา ขึ้นอยู่กับการเคลือบฟอยล์โฮโลแกรมที่ใช้ ความโดดเด่นนี้ทำให้วัสดุประเภทนี้มีความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค

ข้อดี:

  • สติ๊กเกอร์ ฟอยล์เงินแบบฟอยล์โฮโลแกรมจะสะท้อนแสงและเปลี่ยนสีเงินไปตามมุมมอง ทำให้กล่องหรือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุนี้ดูโดดเด่นและสะดุดตา
  • เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ความหรูหราและสวยงามของวัสดุนี้ทำให้สินค้าที่บรรจุในกล่องโฮโลแกรมดูมีมูลค่ามากขึ้น และเหมาะสำหรับสินค้าพรีเมียม
  • สามารถเลือกลวดลายและสีโฮโลแกรมที่หลากหลาย ทำให้สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ

ข้อเสีย:

  • ราคาสูง การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุสติ๊กเกอร์ โฮโลแกรมมักจะมีราคาสูงกว่าวัสดุปกติ เพราะกระบวนการผลิตและการเคลือบที่ซับซ้อน
  • อาจเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย ฟอยล์โฮโลแกรมมีความบอบบางและอาจเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย หากไม่ได้รับการดูแลอย่างดี
  • การพิมพ์ลวดลายอาจลำบาก การพิมพ์ลวดลายหรือโลโก้บนวัสดุโฮโลแกรมอาจจะต้องใช้เทคนิคพิเศษ ซึ่งอาจทำให้กระบวนการผลิตยากขึ้นและใช้เวลามากขึ้น

2.กระดาษสติ๊กเกอร์ (Sticker Paper)

กระดาษสติ๊กเกอร์เป็นวัสดุที่มีการติดกาวในตัว ทำให้สะดวกในการใช้งาน สามารถใช้ได้ทั้งสติกเกอร์และฉลากสินค้า มีทั้งแบบกระดาษธรรมดาและแบบเคลือบ

ข้อดี:

  • ติดง่าย ใช้งานสะดวก
  • ใช้ได้หลากหลายประเภท เช่น สติกเกอร์ตกแต่ง หรือฉลากสินค้า

ข้อเสีย:

  • ความทนทานต่ำต่อความร้อนและความชื้น
  • สติกเกอร์อาจหลุดออกเมื่อถูกสัมผัสกับน้ำหรือความร้อน

3.ฟอยล์ (Foil)

  • ฟอยล์เป็นวัสดุที่ให้ลักษณะเงาวาว สวยงาม เหมาะสำหรับการสร้างความหรูหราและการตกแต่งพิเศษในการผลิตฉลากสินค้าหรือสติกเกอร์ เช่น สติกเกอร์ทอง ฟอยล์เงิน หรือฟอยล์สี

ข้อดี:

  • ให้ความรู้สึกหรูหราและสวยงาม
  • เหมาะสำหรับการตกแต่งที่เน้นความพรีเมียม

ข้อเสีย:

  • ราคาค่อนข้างสูง
  • ความทนทานต่อน้ำหรือการขูดขีดต่ำ

4.พลาสติก PVC (PVC)

พลาสติก PVC เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและทนทานสูง มักใช้ในการผลิตสติกเกอร์ที่ต้องการความทนทาน เช่น ฉลากสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความทนทานและสามารถใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงได้

ข้อดี:

  • ทนทานต่อความชื้นและน้ำ
  • มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในหลายประเภท

ข้อเสีย:

  • ราคาค่อนข้างสูง
  • ไม่เหมาะกับการพิมพ์ลายละเอียดที่ซับซ้อน

5.กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)

กระดาษคราฟท์เป็นวัสดุที่ให้ลักษณะธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการภาพลักษณ์ธรรมชาติหรือแบรนด์ที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม

ข้อดี:

  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • ราคาถูกและสามารถรีไซเคิลได้

ข้อเสีย:

  • สีไม่คมชัดเท่ากระดาษชนิดอื่น
  • ความทนทานต่อน้ำหรือความชื้นต่ำ

6.สติ๊กเกอร์เนื้อพีอีที (PET Sticker)

สติ๊กเกอร์เนื้อพีอีที (PET) ทำจากพลาสติกประเภท PET (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่ทนทานต่อความร้อนและความชื้นได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะโดนน้ำบ่อยๆ อย่างเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรที่มีความร้อนสูง รวมถึงอุปกรณ์ที่ต้องการการติดสติ๊กเกอร์ที่สามารถทนต่อความร้อนได้ดี

ข้อดี :

  • ทนทานต่อความร้อนสูง สติ๊กเกอร์ PET สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 140-200 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้มันเหมาะกับการใช้งานในที่ที่ต้องทนความร้อน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องจักรที่มีการระบายความร้อนสูง
  • ทนน้ำและความชื้น สติ๊กเกอร์ประเภทนี้กันน้ำได้ 100% ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสกับน้ำหรือความชื้น สติ๊กเกอร์ก็ยังคงติดแน่นและไม่มีปัญหาเรื่องการหลุดลอก
  • อายุการใช้งานยาวนาน เนื่องจากวัสดุมีความทนทานสูง สติ๊กเกอร์ PET จึงสามารถใช้งานได้ในระยะยาว โดยไม่เสียรูปทรงหรือสี
  • เหมาะกับพื้นที่เฉพาะทาง ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่าในเรื่องความร้อนและความชื้น สติ๊กเกอร์ PET จึงเหมาะมากสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดพิเศษ

ข้อเสีย:

  • ราคาสูง เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษและความทนทาน สติ๊กเกอร์ PET มักมีราคาที่สูงกว่าชนิดอื่น ๆ ทำให้มันไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในปริมาณมากหรือในงานที่ไม่ต้องการความทนทานระดับนี้
  • การใช้งานเฉพาะทาง สติ๊กเกอร์ PET ส่วนใหญ่จะถูกใช้งานในที่ที่มีความร้อนหรือความชื้นสูงเท่านั้น ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการใช้ในงานทั่วไปที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษนี้
  • จำกัดการใช้งานกับบางพื้นผิว แม้สติ๊กเกอร์ PET จะทนทานแต่ก็อาจไม่เหมาะกับบางพื้นผิวที่ไม่สามารถยึดติดได้ดีเท่ากับพื้นผิวที่ออกแบบมาเพื่อรองรับมัน เช่น พื้นผิวขรุขระหรือพื้นผิวที่มีความมัน
ซอสพริกเขียว กับจานอาหารทะเลสดที่จัดเรียงอย่างสวยงาม

การเลือกวัสดุที่เหมาะสม

การเลือกวัสดุสำหรับสติกเกอร์และฉลากสินค้าควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม การใช้งานและภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงงบประมาณของคุณ ดังนี้

1.ดูประเภทสินค้า

ก่อนอื่น เราต้องดูประเภทสินค้าของเราก่อนเลยว่าเป็นประเภทไหน เช่น สินค้าที่ต้องการทนต่อความชื้น หรือสินค้าที่ต้องเก็บในที่ร้อนหรือเย็น ถ้าเป็นสินค้าแบบนั้นก็อาจจะต้องเลือกสติ๊กเกอร์ที่ทนทาน เช่น สติ๊กเกอร์พีวีซี (PVC) หรือพีพี (PP) ที่มีคุณสมบัติกันน้ำหรือทนความร้อน

2.ดูบรรจุภัณฑ์

ต่อมาให้พิจารณาบรรจุภัณฑ์ของสินค้าด้วย ถ้าบรรจุภัณฑ์เป็นแบบใสที่ต้องการโชว์สินค้าภายใน เราควรเลือกสติ๊กเกอร์ที่ติดง่ายและไม่ปกปิดสินค้าภายในเกินไป เช่น สติ๊กเกอร์ใสหรือสติ๊กเกอร์แบบเจาะรูให้ลูกค้าเห็นสินค้าภายในได้

3.งบประมาณ

งบประมาณเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ถ้างบน้อยอาจจะเลือกใช้สติ๊กเกอร์กระดาษ เพราะราคาถูกและเหมาะกับสินค้าหลายประเภท แต่ถ้าคิดว่าอยากได้ความทนทานและดูหรูหรามากขึ้น ก็ต้องเพิ่มงบขึ้นมานิดหน่อย แล้วเลือกสติ๊กเกอร์ที่ทำจากวัสดุที่ทนทานขึ้น เช่น สติ๊กเกอร์พีวีซี (PVC) หรือสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม ที่ให้ความพรีเมียมและคงทน

4.ความสวยงามและภาพลักษณ์แบรนด์

อย่าลืมคิดถึงภาพลักษณ์แบรนด์ของเราด้วย ถ้าแบรนด์ของเราเน้นความหรูหรา คงต้องเลือกสติ๊กเกอร์ที่มีฟอยล์ หรือพิมพ์ลายที่ดูหรูหรา เพื่อสร้างความแตกต่างและความน่าสนใจให้กับสินค้า ส่วนถ้าแบรนด์ของเราเน้นความเป็นธรรมชาติ เช่น สินค้าออร์แกนิกหรือสินค้าที่ดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาจจะเลือกสติ๊กเกอร์กระดาษคราฟท์ที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติ

สรุป

วัสดุที่ใช้ในการผลิตสติกเกอร์ และฉลากสินค้ามีหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น คำแนะนำคือควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะการใช้งาน งบประมาณ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ก่อนการเลือกวัสดุ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

อ่านบทความเพิ่มเติม: เพิ่มยอดขายด้วยสติกเกอร์ และฉลากสินค้า


คำถามที่พบบ่อย

1.สติ๊กเกอร์ชนิดไหนที่เหมาะกับการใช้งานในที่ชื้นหรือร้อน?

ตอบ: สำหรับสติ๊กเกอร์ที่ต้องการความทนทานในที่ชื้นหรือร้อน ควรเลือกวัสดุอย่าง PVC หรือ พีพี (PP) เพราะวัสดุเหล่านี้ทนความร้อนและความชื้นได้ดี ทำให้ไม่หลุดลอกหรือเสียหายเมื่อสัมผัสกับสภาพแวดล้อมเหล่านั้น

2.สติ๊กเกอร์กระดาษอาร์ตการ์ดดีไหมสำหรับสินค้าในที่ไม่ต้องการทนทานสูง?

ตอบ: กระดาษอาร์ตการ์ดเหมาะกับการใช้ในสินค้าที่ไม่ต้องสัมผัสกับความชื้นหรือการกระแทกมาก เช่น สติ๊กเกอร์โลโก้ หรือ ฉลากสินค้าทั่วไป เพราะสามารถพิมพ์ได้คมชัด สีสันสดใส แต่ไม่ทนทานต่อความชื้นหรือการขูดขีด

3.เลือกสติ๊กเกอร์ที่ทนทานกับน้ำได้อย่างไร?

ตอบ: ถ้าต้องการสติ๊กเกอร์ที่ทนทานต่อการสัมผัสกับน้ำ ควรเลือกใช้ สติ๊กเกอร์ PVC หรือฟอยล์ ซึ่งมีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี ทำให้ไม่เสียหายเมื่อโดนน้ำหรือความชื้น